การฝึก mindset ให้เหมาะกับการเทรด

บ่อยครั้งที่เราได้ยินคำว่า Mindset หรือว่าระเบียบวินัย การเตรียมพร้อมด้านจิตใจ หรืออะไรก็แล้วแต่ที่มันฟังดูเข้าใจยาก จนทำให้มันดูยากเกินที่จะทำตาม จนเราไม่รู้ว่า นี่มันทำได้จริง ๆ หรือว่ามีคนสร้างมาเพื่อให้มันดูยากเพื่อที่จะไม่มีใครเข้าไปถึง เพราะว่ามันไม่มีอยู่จริง แล้วก็สร้างมาขายอยู่นั่นแหละว่าเราไม่เก่ง เราไม่ได้ฝึก Mindset ซึ่งทำให้เราต้องคิดว่าเราขาดการศึกษาเพิ่มเติมอยู่ร่ำไป

ในบทความนี้ไม่ต้องไปลงคอร์สเรียน หรือว่า ไปฝึกสมาธิใด ๆ ทั้งสิ้น จะเป็นการแนะนำการฝึกสภาพจิตใจ การเตรียมพร้อมสภาพจิตใจให้เหมาะกับการเทรด เพราะสภาพจิตใจของเรานั้นก็เหมือนกับร่างกายนั้นสามารถฝึกได้ มันไม่แตกต่างกับการสร้างกล้ามเนื้อ หรือการเข้าคอร์สออกกำลังกาย ตัวอย่างที่เราเห็นได้ชัดเรื่องการออกกำลังกาย เช่น คนตัวผอมสามารถเปลี่ยนตัวเองให้เป็นคนที่มีกล้ามเนื้อสมส่วน คนที่ดูอ้วนอยากมี six pack หรือหน้าอก สิ่งนี้ก็เหมือนกัน สามารถฝึกได้โดยจะฝึกอย่างไรนั้น ลองมาดูกันทีละหัวข้อ  

ความสามารถทางจิตใจ

สิ่งแรกที่เราต้องมาทำความรู้จักคือ ความสามารถทางจิตใจ ที่จะสามารถมีสมาธิ และสามารถตัดสินใจในจังหวะสำคัญ ๆ ซึ่งมันเป็นพื้นฐานซึ่งรวมทั้งระเบียบวินัย และองค์ประกอบในการทำความเข้าใจและ การจัดการอารมณ์อยู่ในนี้

สมาธิ – คำว่าสมาธิ ไม่ได้หมายความว่า ให้ผู้อ่านไปวัดแล้วมานั่งสมาธิแน่นอน สมาธิ คือ สภาวะที่จิตของเราจดจ่อกับสิ่งใดสิ่งหนึ่ง หลาย ๆ คนคงเคย ช่วงที่คิดแต่เรื่องเทรด บ้าเทรด Forex ใหม่ ๆ ท่านจะหาทางที่จะเอาชนะตลาดได้ แม้แต่ว่าท่านไปวิ่ง หรือท่านกินข้าว ท่านก็คิดเรื่อง Forex ไปด้วย นั่นเรียกว่า สมาธิ เพราะว่าท่านจดจ่อกับเรื่องนั้นอย่างหนัก อย่างไรก็ตาม สมาธิที่ดีควรทำอย่างเดียว ไม่ใช่ว่ากินข้าวก็นึกถึง Forex นั่นเรียกว่าสมาธิไม่ดี ไม่ดีอย่างไร ลองนึกดูว่าถ้าท่านขับรถอยู่และใจจดจ่อกับ Forex มันอาจจะพาท่านไปทัวร์นรกก่อนก็เป็นได้ ในเมื่อสมาธิหมายความถึงใจจดจ่ออย่างนี้แล้ว การฝึกสมาธิให้จดจ่อกับเรื่องใดเรื่องหนึ่งที่เราสนใจย่อมทำได้ แต่สิ่งที่ทำได้ยากคือ ทำอย่างไรให้เราจดจ่อกับเรื่องนั้นนานพอ นี่แหละปัญหา บางครั้งเราเจอปัญหาแล้วแก้ไขไม่ได้เราก็ทิ้งปัญหาและลืมมันไปเลยไม่กลับมาสนใจมันอีกเลย อย่างนี้เรียกว่าไม่มีสมาธิ ดังนั้นการฝึกคือ ฝึกแก้ไขปัญหาง่าย ๆ และให้รางวัลเล็ก ๆ น้อยกับตัวเองเมื่อแก้ปัญหาง่าย ๆ ได้ และปัญหายาก ๆ ค่อย ๆ แก้ขึ้นทีละหน่อย ปัญหาไหนยากมาก ๆ ก็วางไว้ก่อนค่อยกลับมาสะสางนั่นจึงเป็นการฝึกสมาธิที่ดี

การทำตามวินัย  – คำว่าทำตามวินัย อาจจะตีความได้กว้าง เช่น ความรับผิดชอบ ตรงต่อเวลา ให้ความสำคัญกับสิ่งที่มีน้ำหนักสำคัญ ทำตามที่รับปากกับคนอื่น หรือรับปากกับตัวเองไว้ มันหลีกเลี่ยงไม่ได้ เพราะมันต่อจากสมาธิ อย่าลืมว่า เมื่อเราเจอปัญหายากเราอาจจะต้องทิ้งไว้ก่อน แต่พอจะให้กลับมาอีกครั้ง หลายคนก็บ่นขี้เกียจเสียแล้ว นี่แหละครับ มันจึงไปต่อไม่ได้ เมื่อสะสางงานต่าง ๆ แล้วจึงทำให้เราสามารถกลับมาทำงานค้างได้ เรียกว่า ทำตามวินัย ทำตามระบบที่ออกแบบได้ นี่แหละเรียกว่ามีวินัย

การตัดสินใจ – นอกจากองค์ประกอบของการทำตามวินัย เมื่อเราทำตามวินัยตัวเองได้แล้ว สิ่งที่สำคัญคือ การรู้จักการชั่งน้ำหนักของการตัดสินใจ สืบเนื่องจากการฝึกสมาธิในการแก้ไขปัญหา สิ่งที่เราต้องตัดสินใจมี เพียง 2 รูปแบบ คือ ปัญหาสำคัญ และปัญหาเร่งด่วน ปัญหาเร่งด่วน ไม่ว่าจะเล็กหรือใหญ่ ก็อาจจะด่วนกว่าเรื่องสำคัญ เพราะต้องใช้ในสถานการณ์อันใกล้ มันคงไม่ยากถ้ามีแค่นั้น แล้วถ้าเป็นปัญหาด่วนและก็สำคัญด้วยหล่ะ นี่แหละทักษะในการตัดสินใจที่บอกว่า เราควรทำอะไรและไม่ควรทำอะไร เราต้องหัดชั่งน้ำหนักลำดับความสำคัญในชีวิต มันจึงจะสามารถสร้างวินัยและมีสมาธิกับสิ่งที่ทำได้ เพราะว่ายังทำในสิ่งที่สามารถทำต่อไปได้เรื่อย ๆ

องค์ประกอบสุดท้าย คือ การจัดการกับอารมณ์ – อันที่กล่าวมาข้างต้น อาจจะดูไม่ยากเท่าไหร่ แต่การจัดการกับอารมณ์นี้เป็นเรื่องที่ยากที่สุด แม้ว่าจะเข้าใจได้ง่าย แต่ทำยากมาก ๆ ครับ บางครั้งเราหงุดหงิดมาก็อยากจะเทรดแก้เบื่อ การกระทำแบบนี้ทำไม่ได้ นี่แหละ มันถึงเรียกว่ายาก เพราะอารมณ์เป็นของคู่กันกับมนุษย์แต่เราก็ต้องฝืนความรู้สึก ทำตามสิ่งที่ถูกต้องวางแผนไว้มากกว่าทำตามสิ่งที่ตนเองรู้สึก เลิกใช้สัญชาตญาณ

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น